วันนี้ผมถูกเบิกตัวไปศาลเพื่อว่าความในฐานะทนายความอีกครั้ง ทว่าอาจดูแปลกตาหน่อยเพราะการทำหน้าที่ทนายความในชุดนักโทษอาจดูไม่ชินตาสำหรับหลายคน ขอบคุณพี่เหน่งและพี่แหม่มที่อุตส่าห์มาให้กำลังใจในห้องพิจารณาและขอบคุณน้องๆจากศูนย์ทนาย ที่มาเป็นผู้ช่วยในการว่าความ
.
ความจริงตั้งแต่ผมเป็นทนายความมาก็มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอด เริ่มจากฝึกงานในคดีสลายการชุมนุมกรณีท่อก๊าซไทย-มาเล ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และเริ่มว่าความอย่างจริงจังในคดีชุมนุมชาวบ้าน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อด้วยช่วงปี 2550-2553 ก็ว่าความช่วยเหลือชาวบ้าน อ.หนองแดง จ.สระบุรี ที่คัดค้านโรงไฟฟ้าและว่าความอย่างหนัก ในปี 2553 เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเสื้อแดง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ทางเหนือและอีสาน
.
ตลอดระยะเวลาในอาชีพทนายความ ผมมีความภาคภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ใช้วิชาความรู้รับใช้สังคม มีอยู่ครั้งนึงเคยเกือบโดนขังเพราะโต้เถียงกับศาลที่ จ.เชียงราย ในคดีชุมนุมเสื้อแดงแต่ก็รอดมาได้
.
ชุดครุยทนายของผมจึงเป็นชุดครุยที่เปื้อนฝุ่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยการเดินทาง มีทั้งคราบน้ำตาแห่งความผิดหวังและสมหวังปนกันไป ไม่ใช่ครุยที่รับใช้นายทุนหรือผู้กดขี่ แต่เป็นครุยที่รับใช้ชาวบ้านและผู้ถูกกดขี่
.
วันนี้ดีใจและภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ ขอบคุณกำลังใจจากพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆ ในวงการนักกฎหมายที่ทยอยส่งมา ตราบที่สังคมยังมีความอยุติธรรมคงเป็นงานหนักของพวกเราในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น เป็นสังคมที่ศิวิไลซ์
.
รักและคิดถึงทุกคน