ชื่อ: พรชัย วิมลศุภวงศ์ (41 ปี)
อาชีพ: รับจ้าง
คดี : หมิ่นประมาทกษัตริย์ (ม.112) จากการโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ
วันที่ถูกจำคุก : 4 เม.ย. 2567
สถานที่คุมขัง : เรือนจำจังหวัดเชียงใหม่
“พรชัย วิมลศุภวงศ์” พื้นเพเป็นชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยที่เขาได้เดินทางเข้าไปใช้ชีวิตและแสวงหา “อนาคต” ในกรุงเทพมหานคร เป็นเวลากว่า 20 ปี แล้ว เริ่มตั้งแต่การเป็นคนไร้บ้านที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ก่อนจะพยายามหางานเลี้ยงชีพด้วยการสมัครเป็นยามตามแต่สถานที่ต่างๆ จะประกาศรับ กระทั่งเริ่มเริ่มตั้งตัวทำมาค้าขายโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดบริเวณปากคลองตลาดจนถึงก่อนหน้าการถูกจับกุม
13 มี.ค. 2566 ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาจำคุก “พรชัย” กระทงละ 3 ปี รวม 4 กระทง รวมจำคุก 12 ปีภายหลังถูกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 จากการโพสต์ข้อความ 4 ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงวันที่ 18 ต.ค. ถึง 19 พ.ย. 2563 มีเนื้อหาสื่อถึงพระมหากษัตริย์ที่วางตนไม่เป็นกลาง เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง และเชิญชวนให้ไปร่วมการชุมนุมทางการเมืองในช่วงดังกล่าว
สำหรับคดีข้างต้น พรชัยเคยถูกจับถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย เข้าจับกุมบริเวณหอพักย่านรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2564 ก่อนถูกตำรวจส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่และไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว พรชัยถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ กระทั่ง 23 เม.ย. 64 พรชัยได้รับการอนุญาตประกันตัวภายหลังถูกคุมขังมาแล้ว 44 วัน
พรชัยยังถูกดำเนินคดีทางการเมืองทั้งหมด 7 คดี สิ้นสุดไปแล้ว 3 คดี ยังอยู่ในชั้นตำรวจ 2 คดี และเป็นคดีม.112 จำนวน 2 คดี โดยคดีม.112 อีกคดีหนึ่ง พรชัยถูกสั่งฟ้องที่จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดห่างไกลจากภูมิลำเนาของเขาเป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกฎหมายที่อนุญาตให้ทุกคนเป็นผู้แจ้งความได้แม้ไม่ได้เป็นผู้เสียหายและจะแจ้งความที่ใดก็ได้
คดีม.112 ที่นราธิวาสนั้นเขาถูกลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการถูกกล่าวหาที่สถานีตำรวจบันนังสตากล่าวหาว่ามีความผิดจากกรณีโพสต์คลิปวิดีโอจำนวน 1 โพสต์ และข้อความอีก 2 ข้อความ โดยศาลได้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้พรชัยจาก 2 ข้อความแต่ลงโทษจำคุกจากการโพสต์คลิปวิดิโอ 1 โพสต์ พิพากษาจำคุก 3 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ คงเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์