ชื่อ: วรรณภา (นามสมมติ) (36 ปี)
อาชีพ: มอเตอร์ไซต์รับจ้าง
คดี : ยุยงปลุกปั่น (ม.116) และเป็นอั้งยี่ (มาตรา 209)
วันที่ถูกจำคุก : 30 พ.ย. 2565
สถานที่คุมขัง : ทัณฑสถานหญิงชลบุรี
วรรณภา (สงวนนามสกุล) แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 35 ปี อาศัยอยู่กับลูกชาย 2 คน วัย 13 และ 18 ปี (ขณะเกิดเหตุ)ในห้องเช่าแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ค่าเช่าห้อง ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเล่าเรียนของลูกชายคนเล็ก ทั้งหมดคือภาระที่เธอต้องแบกรับเพียงลำพังมานานหลายปีแล้ว
โดยเฉพาะหลังถูกจับกุมและดำเนินคดีนี้เมื่อปี 2561 วรรณภาเป็นหนึ่งในคนที่ถูกทหารจับเข้าค่ายภายใต้อำนาจตามกฎอัยการศึกในช่วงรัฐประหาร โดยถูกควบคุมตัวเพื่อซักถามข้อมูลอยู่ราว 7 วัน ก่อนถูกนำตัวไปแจ้งความดำเนินคดี และต้องต่อสู้เรื่อยมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ภายหลังศาลมีคำพิพากษา ยิ่งทำให้วรรณภาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกว่าเดิมหลายเท่าตัว เธอถูกไล่ออกจากงาน หวาดระแวงในการใช้ชีวิต รายได้และความสุขลดน้อยลงอย่างมาก
แต่เธอบอกว่า สิ่งที่คดีนี้สร้างภาระให้มากที่สุด คือ การถูกให้ใส่ EM ที่ข้อเท้า นอกจากจะสร้างความรำคาญและความเจ็บปวดมานานนับปีแล้ว ยังสร้างความอับอายให้แก่เธอ เมื่อต้องเข้าสังคมและพบปะผู้คน สายตาและเสียงซุบซิบนินทายังคงเป็นบาดแผลในใจของเธอมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะ “ประตูตรวจจับโลหะ”
ความเป็นมาในคดีที่ทำให้วรรณภาถูกคุมขัง เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2561 เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวประชาชนไปไว้ในค่ายทหารอย่างน้อย 6 คน ในจำนวนนี้ต่อมาถูกกล่าวหาดำเนินคดีทั้งหมด 5 คน ได้แก่ กฤษณะ, เทอดศักดิ์, ประพันธ์, วรรณภา และจินดา
ทั้งหมดถูกอัยการสั่งฟ้องเป็นคดีเดียวกันในข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” และ “เป็นอั้งยี่” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ 209 ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 โดยกล่าวหาว่าทั้งห้าคนได้เคลื่อนไหวปลุกระดมสมาชิกกลุ่มสหพันธรัฐไทและประชาชนทั่วไป ผ่านการแจกใบปลิวและขายเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ของกลุ่มสหพันธรัฐไท ระหว่างวันที่ 8 มิ.ย. – 12 ก.ย. 2561 แต่ต่อมาจินดาไม่ได้เดินทางมาศาล ทำให้เหลือจำเลยสี่คน
จากนั้นศาลดำเนินการสืบพยานระหว่างวันที่ 19-21 และ 26 พ.ย. 2562 จนแล้วเสร็จ โดยทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 4 มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 จำคุกคนละ 3 ปี โดยจำเลยที่ 2 (เทอดศักดิ์) และที่ 3 (ประพันธ์) รับสารภาพในชั้นสอบสวน ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และให้ยกฟ้องข้อหายุยงปลุกปั่น มาตรา 116
เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นฎีกา มีจำเลยยื่นฎีกาคำพิพากษา 3 ราย โดย 1 ใน 3 ไม่สามารถติดต่อและเดินทางมาศาลได้ ในการฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาครั้งนี้ จึงเหลือเพียงกฤษณะและวรรณาที่เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา โดยในวันที่ 30 พ.ย. 2565 ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก 3 ปี ทำให้วรรณภาต้องถูกควบคุมตัวไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ก่อนจะถูกย้ายเรือนจำกะทันหันจากทัณฑสถานหญิงกลางฯ มายัง ทัณฑสถานหญิงชลบุรี ตามนโยบายลดความแออัดในเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2566
วรรณภาพ้นโทษจากการอภัยโทษเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2567
