ชื่อ: ทีปกร(สงวนนามสกุล) (40 ปี)
อาชีพ: หมอนวด
คดี : หมิ่นกษัตริย์ (มาตรา 112) และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีโพสต์ข้อความและแชร์คลิปจากยูทูบ ตั้งคำถามถึงคุณค่าของสถาบันกษัตริย์ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2563
วันที่ถูกจำคุก : 19 มิ.ย. 2566
สถานที่คุมขัง : เรือนพิเศษกรุงเทพฯ
“กิ๊ฟ” ทีปกร จบการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนหน้าถูกคุมขังประกอบอาชีพหมอนวดอิสระ มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นประชาชนธรรมดา ไม่ได้สังกัดกลุ่มการเคลื่อนไหวใด
ด้านทัศนคติและความคิดเห็นทางการเมือง ในอดีตทีปกรไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารปี 2549 และเมื่อปี 2553 เขาตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเมษา-พฤษภา ในวันที่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมและสังหารหมู่เขาก็อยู่ด้วย ทีปกรเห็นคนถูกยิง เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา จนกลายเป็นบาดแผลทางจิตใจของเขาด้วย
ในการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ตั้งแต่ปี 2563 แม้ทีปกรจะไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมอย่างจริงจัง แต่ยังคงเห็นด้วยและสนับสนุนคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ และบอกว่า หากประชาชนยังคงนิ่งเฉยอยู่ และไม่แสดงอะไรออกมาเลย ผู้มีอำนาจก็จะยิ่งนิ่งเฉยไปเรื่อยๆ การรัฐประหารจะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น ต่อให้อีกเป็นหนึ่งร้อยปีก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทีปกรมีลูกชาย 1 คน อายุ 8 ขวบ มีบัตรประจำตัวผู้พิการประเภทที่ 7 เป็นความพิการทางออทิสติก ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด มีความบกพร่องในการควบคุมสภาวะอารมณ์และการจดจ่อ ทว่าด้านการเรียนรู้กลับก้าวกระโดดกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
ลูกชายของทีปกรต้องรับประทานยาและรับการบำบัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจิตแพทย์ได้ฝากความเห็นผ่านครอบครัวมาบอกทีปกรว่า กระบวนการรักษาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเด็ก (ทีปกร) อยากให้พ่อมาเจอลูกเป็นประจำ จะช่วยให้อาการของเด็กดีขึ้นได้มาก เพราะเด็กต้องการพ่อ
ปัจจุบันลูกชายอาศัยอยู่กับอดีตภรรยาของทีปกร ซึ่งเธอก็เป็นผู้พิการเช่นเดียวกัน มีบัตรประจำตัวผู้พิการประเภทที่ 7 เป็นความพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม ต้องรับประทานยาและเข้าการรักษาจากแพทย์เป็นประจำเช่นเดียวกัน แม้เธอจะสามารถทำงานได้ แต่ลำพังรายได้ก็ไม่เพียงพอต่อการยังชีพและรักษาตัวของทั้งสองแม่ลูก หากไม่มีรายได้ของทีปกรช่วยจุนเจือแล้วทั้งลูกชายและอดีตภรรยาก็จะมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมากขึ้นด้วย
อีกด้านหนึ่งพ่อกับแม่ของทีปกรเองก็อายุมากแล้ว ไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง โดยทั้งคู่อายุประมาณ 50 กว่าปีแล้ว เมื่อปี 2556 คุณพ่อต้องเข้ารับการผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ในปีเดียวกันคุณแม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดนำต่อมไทรอยด์ออก
ปัจจุบันทั้งสองยังคงต้องรับประทานยารักษาและเข้ารับการตรวจติดตามอาการจากแพทย์เป็นประจำ ร่างกายยังไม่แข็งแรงมากจึงไม่สามารถทำงานได้ ทีปกรเองมีหน้าที่ดูแลทั้งพ่อและแม่ รวมถึงพาทั้งสองไปพบแพทย์ตามนัดหมายด้วย
ทีปกรถูกย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไปที่เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 ได้รับการปล่อยตัวหลังเข้าเกณฑ์อภัยโทษเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568
