ชื่อ: กัลยา (นามสมติ) (30 ปี)
อาชีพ: พนักงานบริษัท
คดี: หมิ่นกษัตริย์ (มาตรา 112) จากการคอมเมนต์-แชร์ เฟซบุ๊ก
วันที่ถูกจำคุก: 27 ต.ค. 2566
สถานที่คุมขัง: เรือนจำจังหวัดนราธิวาส
กัลยา มีพื้นเพเป็นชาวกรุงเทพฯ และกำลังมีชีวิตที่ไปได้ดีกับการทำงาน ก่อนมีคดีความเธอวางแผนสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อกัลยาถูกแจ้งความดำเนินการคดีม.112 ไกลถึงจังหวัดนราธิวาส เธอจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องลางาน ในการเดินทางมาตามนัดอัยการและศาล กัลยาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อต่อสู้คดีมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอและครอบครัวเดินทางไปสู้คดียังจังหวัดนราธิวาส มากกว่า 6-7 ครั้งแล้ว โดยเธอยืนยันให้การปฏิเสธตลอดมาจนถึงชั้นพิจารณาคดีในศาล
เมื่อการสืบพยานโจทก์และจำเลยสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาว่า กัลยามีความผิดตามฟ้องทั้ง 2 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 6 ปี โดยไม่มีการลดโทษและไม่รอลงอาญา แต่ครั้งนั้นศาลให้ประกันตัวทันทีด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาท
ต่อมา เมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนจำคุกตามศาลชั้นต้น โดยครั้งนี้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกัน ซึ่งมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาเรื่อยมา โดยให้เหตุผลว่าข้อหามีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี แม้ว่าทนายความจะยื่นประกันตัวไปแล้วถึง แต่ศาลยังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว
กัลยาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน อยู่ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เรือนจำที่ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มีอาหารและกิจวัตรประจำวันเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมภาคใต้และศาสนาอิสลาม เรือนจำที่ตั้งห่างไกลจากครอบครัวในกรุงเทพฯ ยากต่อการเดินทางมาเยี่ยมและพบปะหน้ากัน เรือนจำที่ขณะนี้กำลังเผชิญปัญหาผู้ต้องขังมากเกินจำนวนที่รับได้ สร้างความแออัด และเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อกับผู้ต้องขัง
